Position:home  

ขี้กลาก: โรคผิวหนังที่พบได้บ่อย พร้อมวิธีรักษาและป้องกัน

ขี้กลากเป็นโรคผิวหนังที่พบได้ทั่วไป ซึ่งเกิดจากการติดเชื้อรา โดยปกติแล้วเชื้อรามักอาศัยอยู่บนผิวหนังของเราอย่างไม่เป็นอันตราย แต่ในบางครั้งเชื้อราเหล่านี้อาจเจริญเติบโตมากเกินไปและทำให้เกิดการติดเชื้อ ซึ่งส่งผลให้เกิดอาการต่างๆ เช่น ผื่นแดง คัน และลอก

อาการของขี้กลาก

อาการของขี้กลากอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่ติดเชื้อ แต่โดยทั่วไปแล้วจะสังเกตเห็นอาการดังต่อไปนี้:

  • ผื่นแดงเป็นวงกลมหรือรูปวงรี
  • ผิวหนังคันและแสบร้อน
  • ผิวหนังเป็นขุยหรือลอก
  • ผิวหนังแห้งและแตก
  • พุพองหรือมีน้ำเหลือง

สาเหตุของขี้กลาก

ขี้กลากเกิดจากการติดเชื้อรา โดยมีเชื้อราที่พบบ่อยที่สุดคือเชื้อรา Trichophyton ซึ่งมักแพร่กระจายผ่านการสัมผัสโดยตรงกับผู้ที่ติดเชื้อ หรือโดยการสัมผัสกับสิ่งของที่มีเชื้อรา เช่น เสื้อผ้า หรือพื้นห้องน้ำ

ปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดขี้กลาก ได้แก่:

ขี้กลาก

  • การมีเหงื่อออกมากเกินไป
  • การสวมเสื้อผ้าที่คับเกินไปหรือรัดแน่น
  • การไม่รักษาความสะอาด
  • โรคภูมิคุ้มกันอ่อนแอ
  • การใช้ยาปฏิชีวนะเป็นเวลานาน

ชนิดของขี้กลาก

ขี้กลากสามารถแบ่งออกได้เป็นหลายชนิดขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่ติดเชื้อ ได้แก่:

ขี้กลาก: โรคผิวหนังที่พบได้บ่อย พร้อมวิธีรักษาและป้องกัน

  • ขี้กลากที่เท้า (Athlete's foot) เกิดขึ้นที่เท้า มักพบในนักกีฬาหรือผู้ที่สวมรองเท้าที่คับเกินไปหรือรัดแน่น
  • ขี้กลากที่ขาหนีบ (Jock itch) เกิดขึ้นบริเวณขาหนีบ มักพบในผู้ที่ออกกำลังกายหรือมีเหงื่อออกมากเกินไป
  • ขี้กลากที่หนังศีรษะ (Ringworm of the scalp) เกิดขึ้นที่หนังศีรษะ มักพบบ่อยในเด็ก
  • ขี้กลากที่ตัว (Tinea corporis) เกิดขึ้นบริเวณลำตัว แขน ขา หรือใบหน้า

การวินิจฉัยขี้กลาก

การวินิจฉัยขี้กลากโดยทั่วไปทำได้จากการตรวจร่างกายและซักประวัติทางการแพทย์ แพทย์อาจใช้แสงอัลตราไวโอเลตเพื่อดูเชื้อรา หรืออาจเก็บตัวอย่างผิวหนังไปเพาะเชื้อเพื่อยืนยันการวินิจฉัย

การรักษาขี้กลาก

การรักษาขี้กลากขึ้นอยู่กับชนิดและความรุนแรงของการติดเชื้อ โดยทั่วไปแล้วขี้กลากสามารถรักษาได้ด้วยยาต้านเชื้อรา ซึ่งมีทั้งแบบทาและรับประทาน ยาต้านเชื้อราที่ใช้รักษาขี้กลาก ได้แก่:

  • ยาต้านเชื้อราแบบทา เช่น ไมโคนาโซล (Miconazole), คลอไตรมาโซล (Clotrimazole) และเทอร์บินาฟีน (Terbinafine)
  • ยาต้านเชื้อราแบบรับประทาน เช่น กริซีโอฟูลวิน (Griseofulvin), อิทราโคนาโซล (Itraconazole) และฟลูโคนาโซล (Fluconazole)

การรักษาขี้กลากมักใช้เวลาประมาณ 2-4 สัปดาห์ เพื่อให้แน่ใจว่าการติดเชื้อหมดไป แพทย์อาจแนะนำให้ใช้ยานานกว่านี้

อาการของขี้กลาก

การป้องกันขี้กลาก

สามารถป้องกันขี้กลากได้โดยการปฏิบัติตามคำแนะนำต่อไปนี้:

  • รักษาความสะอาดโดยการอาบน้ำหรืออาบน้ำทุกวัน
  • เช็ดตัวให้แห้งโดยเฉพาะบริเวณที่มีเหงื่อออกมาก
  • สวมเสื้อผ้าหลวมสบายและระบายอากาศได้ดี
  • เปลี่ยนรองเท้าและถุงเท้าเป็นประจำ
  • หลีกเลี่ยงการใช้สิ่งของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น
  • รักษาสุขภาพเท้าโดยสวมรองเท้าแตะในพื้นที่สาธารณะ เช่น ห้องน้ำและสระว่ายน้ำ

ตารางที่ 1: ปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดขี้กลาก

ปัจจัยเสี่ยง คำอธิบาย
เหงื่อออกมากเกินไป เหงื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเจริญเติบโตของเชื้อรา
การสวมเสื้อผ้าคับเกินไปหรือรัดแน่น เสื้อผ้าที่คับเกินไปจะเสียดสีผิวหนังและสร้างบาดแผล ซึ่งเชื้อราสามารถเข้าสู่แผลได้
การไม่รักษาความสะอาด การไม่รักษาความสะอาดจะทำให้เชื้อรามีโอกาสเจริญเติบโต
โรคภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ระบบภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอไม่สามารถต่อสู้กับการติดเชื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การใช้ยาปฏิชีวนะเป็นเวลานาน ยาปฏิชีวนะสามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้ แต่ยังสามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ปกป้องผิวจากการติดเชื้อได้อีกด้วย

ตารางที่ 2: ชนิดของขี้กลาก

ชนิด ตำแหน่ง อาการทั่วไป
ขี้กลากที่เท้า เท้า ผื่นคันเป็นวงกลมหรือรูปวงรี, ผิวหนังแห้งและแตก
ขี้กลากที่ขาหนีบ ขาหนีบ ผื่นแดงคันบริเวณขาหนีบ, ผิวหนังอาจมีแผลเปื่อย
ขี้กลากที่หนังศีรษะ หนังศีรษะ ผื่นวงกลมลอกบนหนังศีรษะ, ผมร่วง
ขี้กลากที่ตัว ลำตัว, แขน, ขา, ใบหน้า ผื่นวงกลมหรือรูปวงรีมีขอบยก, ผิวหนังอาจแห้งหรือคัน

ตารางที่ 3: การรักษาขี้กลาก

วิธีการรักษา ยา การใช้
ยาต้านเชื้อราแบบทา ไมโคนาโซล, คลอไตรมาโซล, เทอร์บินาฟีน ทาบริเวณที่ติดเชื้อวันละ 1-2 ครั้งเป็นเวลา 2-4 สัปดาห์
ยาต้านเชื้อราแบบรับประทาน กริซีโอฟูลวิน, อิทราโคนาโซล, ฟลูโคนาโซล รับประทานวันละ 1-2 ครั้งเป็นเวลา 2-4 สัปดาห์

เคล็ดลับและลูกเล่น

  • ใช้น้ำมันทีทรี น้ำมันทีทรีมีฤทธิ์ต้านเชื้อราและสามารถช่วยรักษาขี้กลากได้
  • แช่เท้าในน้ำเกลือ น้ำเกลือช่วยฆ่าเชื้อราและลดอาการคัน
  • สวมรองเท้าแตะในพื้นที่สาธารณะ รองเท้าแตะช่วยปกป้องเท้าจากเชื้อราที่อยู่ในพื้น
  • ซักผ้าปูที่นอนและผ้าเช็ดตัวเป็นประจำ ผ้าปูที่นอนและผ้าเช็ดตัวอาจเป็นแหล่งเพาะเชื้อรา
  • หลีกเลี่ยงการใช้สารฟอกขาว สารฟอกขาวสามารถระคายเคืองผิวหนังและทำให้เลวร้ายกว่าเดิมได้

เรื่องราวที่น่าสนใจ

  • เรื่องที่ 1
    ชายคนหนึ่งเข้าพบแพทย์ด้วยอาการผื่นคันบริเวณขาหนีบ แพทย์วินิจฉัยว่าเป็นขี้กลากและสั่งจ่ายยาต้านเชื้อราให้ ชายคนนั้นใช้ยาตามแพทย์สั่งและอาการก็ดีขึ้นภายในไม่กี่วัน
    สิ่งที่เราเรียนรู้: การรักษาขี้กลากได้ทันท่วงทีสามารถช่วยป้องกันไม่ให้เกิดการติดเชื้อแพร่กระจาย

  • เรื่องที่ 2
    หญิงสาวคนหนึ่งตื่นขึ้นมาพร้อมกับผื่นวงกลมสีแดงมีอาการคันที่เท้า เธอคิดว่าเป็นยุงกัดแต่เมื่ออาการไม่ดีขึ้น เธอจึงไปพบแพ

Time:2024-09-06 05:14:26 UTC

newthai   

TOP 10
Related Posts
Don't miss